โรงงานคุณ ยังใช้ Forklift หรือ Stacker อยู่อีกหรือ ต้นทุนการผลิตต้องเสียไปกับค่าเช่า Forklift หรือ Stacker ค่าบำรุงรักษา ค่าอะไหล่ ( ล้อ แบตเตอรี่ ชิ้นส่วน และอื่นๆ ) เงินเดือนพนักงาน (พนักงานขับ) ค่าอาหาร ค่าน้ำมัน ค่าเช่าบ้าน ค่าคอมมิชชั่น ค่าเบี้ยขยัน โอที ค่ากะ ประกันสังคม โบนัสประจำปี และอื่นๆอีกมากมายที่ต้องจ่ายเป็นต้นทุนกับพนักงานขับForklift หรือ Stacker
เราควรบริหารบุคคลากรให้ทำงานมีประสิทธิภาพและคุ้มค่า
ปล่อยเป็นหน้าที่ของรถ AGV อัตโนมัติ และนำพนักงานขับไปทำงานอื่น
ไม่จำเป็นต้องปลดพนักงานออก
และนี่คือนวัตกรรมใหม่ของคนไทย รถAGV
ทำไมต้อง AGV
ใน
โลกธุรกิจแห่งการแข่ง ณ ปัจจุบันธุรกิจใดลดต้นทุนได้มากที่สุด
นั้นหมายถึงผลกำไรที่มากที่สุดตามไปด้วย หนึ่งในเครื่องมือที่คุณกำลังมองหา name="OLE_LINK2"
ลดต้นทุนการผลิตได้อย่างไร
ใน
สายงานการผลิตที่มีการผลิตแบบต่อเนื่อง หรือมีการเคลื่อนย้ายสินค้า
จากสายงานส่วนหนึ่งไปอีกแผนกหนึ่ง จำเป็นต้องมีการเคลื่อนย้าย สินค้า
โดยใช้ Forklift หรือ Stacker หรือ
เครื่องมืออื่นๆเพื่อโยกย้ายสินค้าหรือผ่อนแรงพนักงาน
และนี่คือต้นทุนต่างๆที่ตามมา
ซึ่งนักบริหารหลายคนกำลังมองหาวิธีกำจัดต้นทุนที่ไม่จำเป็นทิ้งไป
จากระบบบัญชี เพราะต้งการผลกำไรมากที่สุด
ทั้งหมดนี้คือต้นทุน
ทั้งหมดนี้คือต้นทุน
ค่าเช่า Forklift หรือ Stacker ค่าบำรุงรักษา ค่าอะไหล่ ( ล้อ แบตเตอรี่ ชิ้นส่วน และอื่นๆ )เงินเดือนพนักงาน (พนักงานขับ) ค่าอาหาร ค่าน้ำมัน ค่าเช่าบ้าน ค่าคอมมิชชั่น ค่าเบี้ยขยัน โอที ค่ากะ ประกันสังคมโบนัส ประจำปี อื่นๆ อีกมากมาย
ประโยชน์ที่ได้รับ
ลดต้นทุนการผลิต
มีการวางแผนการผลิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ
บริหารบุคลากรได้อย่างคุ้มค่าและมีประสิทธิภาพ
ลดอุบัติเหตุ
โรงงานสีขาว ลดมลพิษและโลกร้อน
เหมาะสมกับ ธุรกิจประเภทใด
บริษัท ธุรกิจประกอบรถยนต์
บริษัท ธุรกิจส่วนประกอบรถยนต์
บริษัท ธุรกิจทรานสปอร์ท
บริษัท ธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องใช้ไฟฟ้า
ธุรกิจที่มีการเคลื่อนย้ายสินค้าหรือชิ้นส่วน รวมถึงบริษัทที่มีสายงานการผลิตแบบต่อเนื่อง
รถขนส่งเคลื่อนที่อัตโนมัติ AGV
มีหลายชนิดให้เลือกตามความเหมาะสมของการใช้งานตั้งแต่ การใช้งานแบบลากจูง
container ,แบบยก container จนถึงแบบรถยก (Forklift) ในลักษณะต่างๆ
โดยมีระบบควบคุมเส้นทางและนำทางการขับเคลื่อน (The Vihicle Navigation
& Guidance System)
ด้วยการเหนี่ยวนำของสนามแม่เหล็กที่ฝังอยู่ในพื้นผิวทางเดินรถ AGV หรือแบบควบคุมโดยการ ตรวจจับด้วยแสงเลเซอร์เพื่อให้รถ AGV สามารถเคลื่อนที่ไปตามเส้นทางที่กำหนดได้

รถ AGV ทุกคันจะติดตั้งระบบเลเซอร์ตรวจจับความเคลื่อนไหวที่ประกันได้ว่ามีระดับ ความปลอดภัยสูงสุด โดยติดตั้งทั้งด้านหน้าและหลังของตัวรถ และแบ่งการเตือนภัยออกเป็น 2 พื้นที่ คือ พื้นที่เตือนภัย( Warning Area)และพื้นที่หยุด (Stopping Area) กล่าวคือ ถ้ามีบุคคลเดินเข้าในเขตพื้นที่เตือนภัย รถ AGV จะลดความเร็วลงจากความเร็วสูงสุด (Maximum Speed) เป็นลักษณะแบบเคลื่อนที่ช้า (Crawling Speed) และถ้าตรวจจับได้ในพื้นที่หยุด รถ AGV จะหยุดทันที โดยระยะทางของพื้นที่เตือนและพื้นที่หยุด จะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับระดับความเร็วของรถ AGV
ทั้งนี้แบตเตอรี่ที่ใช้เป็นแบบ Maintenace Free สามารถใช้งานได้ติดต่อกันแบบต่อเนื่องนานถึง 8-10 ชั่วโมง โดยไม่ต้องนำแบตเตอรี่ออกจากตัวรถ

รูป Batterry Cha







ดาวเทียม (Satellite)
ได้รับการพัฒนาขึ้นมาเพื่อหลีกเลี่ยงข้อจำกัดของสถานีรับ-ส่งไมโครเวฟบนผิว
โลก
วัตถุประสงค์ในการสร้างดาวเทียมเพื่อเป็นสถานีรับ-ส่งสัญญาณไมโครเวฟบนอวกาศ
และทวนสัญญาณในแนวโคจรของโลก
ในการส่งสัญญาณดาวเทียมจะต้องมีสถานีภาคพื้นดินคอยทำหน้าที่รับและส่งสัญญาณ
ขึ้นไปบนดาวเทียม ที่โคจรอยู่สูงจากพื้นโลก 22,300 ไมล์
โดยดาวเทียมเหล่านั้นจะเคลื่อนที่ด้วยความเร็วที่เท่ากับการหมุนของโลก
จึงเสมือนกับดาวเทียมนั้นนิ่งอยู่กับที่ขณะที่โลกหมุนรอบตัวเอง
ทำให้การส่งสัญญาณไมโครเวฟจากสถานีหนึ่งขึ้นไปบนดาวเทียมและการกระจายสัญญาณ
จากดาวเทียมลงมายังสถานีตามจุดต่างๆ บนผิวโลกเป็นไปอย่างแม่นยำ
เราสามารถส่งดาวเทียมชนิด Geostationary
ซึ่งหมุนโคจรด้วยความเร็วเท่ากับโลก โดยนำขึ้นไปโคจรเหนือผิวโลกเพียง 3 ดวง
ก็สามารถครอบคลุมการสื่อสารได้ทั่วโลก
ดาวเทียมดวงหนึ่งส่งสัญญาณในบริเวณกว้างเท่ากับ 1 ใน 3 ของโลก (120 องศา)
ดังนั้นดาวเทียมเพียง 3 ดวงก็คลอบคลุมบริเวณพื้นโลกได้ทั้งหมด (360 องศา)
ดาวเทียมสามารถโคจรอยู่ได้โดยอาศัยพลังงานแสงอาทิตย์ โดยแผงโซลาร์ (Solar
Cell) บนดาวเทียมจะรับพลังงานจากแสงอาทิตย์มาเปลี่ยนใช้งาน
ดาวเทียม (Satellite)
ได้รับการพัฒนาขึ้นมาเพื่อหลีกเลี่ยงข้อจำกัดของสถานีรับ-ส่งไมโครเวฟบนผิว
โลก
วัตถุประสงค์ในการสร้างดาวเทียมเพื่อเป็นสถานีรับ-ส่งสัญญาณไมโครเวฟบนอวกาศ
และทวนสัญญาณในแนวโคจรของโลก
ในการส่งสัญญาณดาวเทียมจะต้องมีสถานีภาคพื้นดินคอยทำหน้าที่รับและส่งสัญญาณ
ขึ้นไปบนดาวเทียม ที่โคจรอยู่สูงจากพื้นโลก 22,300 ไมล์
โดยดาวเทียมเหล่านั้นจะเคลื่อนที่ด้วยความเร็วที่เท่ากับการหมุนของโลก
จึงเสมือนกับดาวเทียมนั้นนิ่งอยู่กับที่ขณะที่โลกหมุนรอบตัวเอง
ทำให้การส่งสัญญาณไมโครเวฟจากสถานีหนึ่งขึ้นไปบนดาวเทียมและการกระจายสัญญาณ
จากดาวเทียมลงมายังสถานีตามจุดต่างๆ บนผิวโลกเป็นไปอย่างแม่นยำ
เราสามารถส่งดาวเทียมชนิด Geostationary
ซึ่งหมุนโคจรด้วยความเร็วเท่ากับโลก โดยนำขึ้นไปโคจรเหนือผิวโลกเพียง 3 ดวง
ก็สามารถครอบคลุมการสื่อสารได้ทั่วโลก
ดาวเทียมดวงหนึ่งส่งสัญญาณในบริเวณกว้างเท่ากับ 1 ใน 3 ของโลก (120 องศา)
ดังนั้นดาวเทียมเพียง 3 ดวงก็คลอบคลุมบริเวณพื้นโลกได้ทั้งหมด (360 องศา)
ดาวเทียมสามารถโคจรอยู่ได้โดยอาศัยพลังงานแสงอาทิตย์ โดยแผงโซลาร์ (Solar
Cell) บนดาวเทียมจะรับพลังงานจากแสงอาทิตย์มาเปลี่ยนใช้งาน