วันอาทิตย์ที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2556

รถagvในโรงงาน

โรงงานคุณ ยังใช้ Forklift หรือ Stacker อยู่อีกหรือ ต้นทุนการผลิตต้องเสียไปกับค่าเช่า Forklift หรือ Stacker ค่าบำรุงรักษา ค่าอะไหล่ ( ล้อ แบตเตอรี่ ชิ้นส่วน และอื่นๆ ) เงินเดือนพนักงาน (พนักงานขับ) ค่าอาหาร ค่าน้ำมัน ค่าเช่าบ้าน  ค่าคอมมิชชั่น ค่าเบี้ยขยัน โอที ค่ากะ ประกันสังคม โบนัสประจำปี และอื่นๆอีกมากมายที่ต้องจ่ายเป็นต้นทุนกับพนักงานขับForklift หรือ Stacker  เราควรบริหารบุคคลากรให้ทำงานมีประสิทธิภาพและคุ้มค่า ปล่อยเป็นหน้าที่ของรถ AGV อัตโนมัติ และนำพนักงานขับไปทำงานอื่น ไม่จำเป็นต้องปลดพนักงานออก
และนี่คือนวัตกรรมใหม่ของคนไทย  รถAGV
ทำไมต้อง AGV
  ใน โลกธุรกิจแห่งการแข่ง ณ ปัจจุบันธุรกิจใดลดต้นทุนได้มากที่สุด นั้นหมายถึงผลกำไรที่มากที่สุดตามไปด้วย หนึ่งในเครื่องมือที่คุณกำลังมองหา  name="OLE_LINK2"
ลดต้นทุนการผลิตได้อย่างไร
   ใน สายงานการผลิตที่มีการผลิตแบบต่อเนื่อง หรือมีการเคลื่อนย้ายสินค้า จากสายงานส่วนหนึ่งไปอีกแผนกหนึ่ง จำเป็นต้องมีการเคลื่อนย้าย สินค้า โดยใช้ Forklift หรือ Stacker หรือ เครื่องมืออื่นๆเพื่อโยกย้ายสินค้าหรือผ่อนแรงพนักงาน และนี่คือต้นทุนต่างๆที่ตามมา ซึ่งนักบริหารหลายคนกำลังมองหาวิธีกำจัดต้นทุนที่ไม่จำเป็นทิ้งไป จากระบบบัญชี เพราะต้งการผลกำไรมากที่สุด
ทั้งหมดนี้คือต้นทุน
   ค่าเช่า Forklift หรือ Stacker ค่าบำรุงรักษา ค่าอะไหล่ ( ล้อ แบตเตอรี่ ชิ้นส่วน และอื่นๆ )เงินเดือนพนักงาน (พนักงานขับ) ค่าอาหาร ค่าน้ำมัน ค่าเช่าบ้าน   ค่าคอมมิชชั่น ค่าเบี้ยขยัน โอที ค่ากะ ประกันสังคมโบนัส   ประจำปี อื่นๆ   อีกมากมาย
ประโยชน์ที่ได้รับ
ลดต้นทุนการผลิต
มีการวางแผนการผลิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ
บริหารบุคลากรได้อย่างคุ้มค่าและมีประสิทธิภาพ
ลดอุบัติเหตุ
โรงงานสีขาว ลดมลพิษและโลกร้อน
เหมาะสมกับ ธุรกิจประเภทใด
บริษัท ธุรกิจประกอบรถยนต์
บริษัท ธุรกิจส่วนประกอบรถยนต์
บริษัท ธุรกิจทรานสปอร์ท
บริษัท ธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องใช้ไฟฟ้า
ธุรกิจที่มีการเคลื่อนย้ายสินค้าหรือชิ้นส่วน รวมถึงบริษัทที่มีสายงานการผลิตแบบต่อเนื่อง
 รถขนส่งเคลื่อนที่อัตโนมัติ AGV มีหลายชนิดให้เลือกตามความเหมาะสมของการใช้งานตั้งแต่ การใช้งานแบบลากจูง container ,แบบยก container จนถึงแบบรถยก (Forklift) ในลักษณะต่างๆ โดยมีระบบควบคุมเส้นทางและนำทางการขับเคลื่อน (The Vihicle Navigation & Guidance System) ด้วยการเหนี่ยวนำของสนามแม่เหล็กที่ฝังอยู่ในพื้นผิวทางเดินรถ AGV หรือแบบควบคุมโดยการ ตรวจจับด้วยแสงเลเซอร์เพื่อให้รถ AGV สามารถเคลื่อนที่ไปตามเส้นทางที่กำหนดได้
รถ AGV แต่ละชนิดรับน้ำหนักได้ต่างกันตั้งแต่ 400-1,200 กิโลกรัม หรือมากกว่า ขึ้นอยู่กับการใช้งานแต่ละประเภท โดยมีความเร็วในการขับเคลื่อน 1.2-1.7 เมตร ต่อวินาที

รถ AGV ทุกคันจะติดตั้งระบบเลเซอร์ตรวจจับความเคลื่อนไหวที่ประกันได้ว่ามีระดับ ความปลอดภัยสูงสุด โดยติดตั้งทั้งด้านหน้าและหลังของตัวรถ และแบ่งการเตือนภัยออกเป็น 2 พื้นที่ คือ พื้นที่เตือนภัย( Warning Area)และพื้นที่หยุด (Stopping Area) กล่าวคือ ถ้ามีบุคคลเดินเข้าในเขตพื้นที่เตือนภัย รถ AGV จะลดความเร็วลงจากความเร็วสูงสุด (Maximum Speed) เป็นลักษณะแบบเคลื่อนที่ช้า (Crawling Speed) และถ้าตรวจจับได้ในพื้นที่หยุด รถ AGV จะหยุดทันที โดยระยะทางของพื้นที่เตือนและพื้นที่หยุด จะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับระดับความเร็วของรถ AGV

ทั้งนี้แบตเตอรี่ที่ใช้เป็นแบบ Maintenace Free สามารถใช้งานได้ติดต่อกันแบบต่อเนื่องนานถึง 8-10 ชั่วโมง โดยไม่ต้องนำแบตเตอรี่ออกจากตัวรถ


รูป Batterry Cha

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น